วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ชีวิตดีขึ้น เพราะบุญมาถึง



ชีวิตดีขึ้นเพราะบุญมาถึง
เช่นนี้จึงต้องเร่งขวนขวาย
สร้างบุญบารมีกันมากมาย
เพราะว่าความตายไม่รั้งรอ

ชีวิตตกต่ำเพราะไม่มีบุญ
ประมาทไม่ตุนบุญไว้ทุกข์หนอ
ผิดศีลผิดธรรมคงไม่เกินรอ
คงได้อัดอออยู่ในอบาย



     แผ่นดิน
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

เข้าวัดก็ดีกว่าไม่เข้า   เลิกเมาเลิกหมดบุหรี่  รักษาศีลห้าทันที่  แค่นี้จิตใจก็ร่มเย็น. วัดสอนให้เราทำทาน. แบ่งปันในกาลเหมาะสม. ไม่ได้ทำเพราะหวังคำชม. เพราะนิยมฝึกฝนจิตใจ. สมาธิได้นั่งตลอด. สุดยอดด้วยใจใสๆ คิดพูดทำดีเรื่อยไป. หนักแน่นในธรรมมั่นคง. วัดสอนให้เราคิดดี. วันที่เคยทุกข์ตรอมตรม ก็จมละลายหายไป. ความสุขได้คำมาแทน  หนักแน่นในบุญสดใส ไม่นานชีวิตจิตใจ เปลี่ยนไปได้ดีมีบุญ

นั่งสมาธิแล้วชีวิตดี๊ดี คือเรื่องจริงที่ต้องพิสูจน์

นั่งสมาธิแล้วชีวิตดี๊ดี



เพียงฉันแค่หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายร่างกายอย่างเบาสบาย โลกทั้งโลก ความสับสนวุ่นวาย ความเครียด  ความฟุ้งซ่านกังวลใจ ก็พลันหยุดลง  เหลือเพียงแค่ตัวฉันกับความสุขสงบ 

เป็นเวลาที่ฉันได้พบเจอตัวของฉันเอง เป็นเวลาที่ฉันได้ยินเสียงจากหัวใจของตนเอง รู้สึกเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง การค้นหาตนเองที่ฉันเผ้าแสวงหามาอย่างยาวนานได้หยุดลงในวันนี้ ในวันที่ฉันได้นั่งหลับตาลง เบาๆสบายๆตรงกลางกายของฉันเอง

ทุกๆครั้งที่ชีวิตของฉันพานพบกับปัญหา และ อุปสรรคต่างๆ เมื่อฉันได้นั่งหลับตา ฉันกลับพบว่าทุกปัญหามีทางออก ทุกอุปสรรคมีคำตอบ ทุกๆเหตุการณ์มีโอกาสดีๆซ่อน และ รอคอยฉันอยู่เสมอ

ในยามที่ฉันท้อแท้ และ หมดกำลังใจ การนั่งหลับตาเบาๆทำให้ฉันค้นพบว่า พลังใจ และ กำลังใจ อยู่ภายในตัวของฉันเอง และ ฉันพบว่าพลังที่ซ่อนลึกอยู่ในใจของฉันนั้น นำเอามาใช้ได้ไม่มีวันหมด จากการฝึกสมาธิ

ความโกรธแค้น  ชิงชัง อาฆาตพยาบาท และความขัดเคืองใจทั้งหลาย ละลายหายไป เมื่อฉันได้ปล่อยใจให้ผ่อนคลาย และปล่อยวางเรื่องราวต่างๆทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิต และ ฉันกลับพบว่า ความมีเมตตา การให้อภัยในความผิดพลาดของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้น เป็นการให้ของขวัญ เป็นการคืนความสุขสงบใจให้กับตัวฉันเอง

เมื่อฉันได้นั่งหลับตา ฉันกลับพบว่าไม่มีประโยชน์เลย ที่จะไปมองหาสิ่งที่ไม่ดี ของบุคคลอื่น ฉันกลับหันมามองตัวเอง ได้เห็นความจริงที่ว่า ตัวของฉันเองยังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาปรับปรุงตัวเองอีกมาก จึงไม่คิดจะไปเสียเวลาในการจับผิดคนอื่น

และ ยิ่งได้มีโอกาสฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ฉันยิ่งมีกำลังใจในการเลือกมอง และ ค้นหาแต่ความดี ของผู้อื่นแทน และ นำสิ่งดีๆเหล่านั้นเข้ามาฝึก เข้ามาพัฒนาปรับปรุงตัวเองในทุกด้านให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ฉันภาคภูมิใจในตนเอง มั่นใจในตนเอง และ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรร และ มีความสุข

สมาธิสำหรับฉัน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิต แต่เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉันที่ทำให้ฉันเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีในชีวิตทุกด้าน ในทุกวันนี้ฉันมีความสุขมาก  และ มั่นใจว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตเกิดจากการฝึกสมาธิให้ใจหยุดนั่นเอง ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านตรัสว่า นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

     


       แผ่นดิน

๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙

ชีวิตดีขึ้นเมื่อบุญมาถึง


ชีวิตดีขึ้นเมื่อบุญมาถึง                                   เอาไว้พึ่งพายามต้องประสบทุกข์
เป็นทางมาแห่งโชคและความสุข                   ชีวิตแสนสนุกเมื่อได้สร้างบุญ
อุปสรรคมากแค่ไหนเราไม่กลัว                      จะให้ชัวร์สร้างบุญไ้ว้บุญจะหนุน
ปิดอบายไปสวรรค์บุญเจือจุน                        เริ่มเถิดคุณทำง่ายๆสบายๆเอย

   
แผ่นดิน
๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

นั่งสมาธิแล้วชีวิตดี๊ดี



เพียงฉันแค่หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายร่างกายอย่างเบาสบาย โลกทั้งโลก ความสับสนวุ่นวาย ความเครียด  ความฟุ้งซ่านกังวลใจ ก็พลันหยุดลง  เหลือเพียงแค่ตัวฉันกับความสุขสงบ 

เป็นเวลาที่ฉันได้พบเจอตัวของฉันเอง เป็นเวลาที่ฉันได้ยินเสียงจากหัวใจของตนเอง รู้สึกเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง การค้นหาตนเองที่ฉันเผ้าแสวงหามาอย่างยาวนานได้หยุดลงในวันนี้ ในวันที่ฉันได้นั่งหลับตาลง เบาๆสบายๆตรงกลางกายของฉันเอง

ทุกๆครั้งที่ชีวิตของฉันพานพบกับปัญหา และ อุปสรรคต่างๆ เมื่อฉันได้นั่งหลับตา ฉันกลับพบว่าทุกปัญหามีทางออก ทุกอุปสรรคมีคำตอบ ทุกๆเหตุการณ์มีโอกาสดีๆซ่อน และ รอคอยฉันอยู่เสมอ

ในยามที่ฉันท้อแท้ และ หมดกำลังใจ การนั่งหลับตาเบาๆทำให้ฉันค้นพบว่า พลังใจ และ กำลังใจ อยู่ภายในตัวของฉันเอง และ ฉันพบว่าพลังที่ซ่อนลึกอยู่ในใจของฉันนั้น นำเอามาใช้ได้ไม่มีวันหมด จากการฝึกสมาธิ

ความโกรธแค้น  ชิงชัง อาฆาตพยาบาท และความขัดเคืองใจทั้งหลาย ละลายหายไป เมื่อฉันได้ปล่อยใจให้ผ่อนคลาย และปล่อยวางเรื่องราวต่างๆทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิต และ ฉันกลับพบว่า ความมีเมตตา การให้อภัยในความผิดพลาดของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้น เป็นการให้ของขวัญ เป็นการคืนความสุขสงบใจให้กับตัวฉันเอง

เมื่อฉันได้นั่งหลับตา ฉันกลับพบว่าไม่มีประโยชน์เลย ที่จะไปมองหาสิ่งที่ไม่ดี ของบุคคลอื่น ฉันกลับหันมามองตัวเอง ได้เห็นความจริงที่ว่า ตัวของฉันเองยังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาปรับปรุงตัวเองอีกมาก จึงไม่คิดจะไปเสียเวลาในการจับผิดคนอื่น

และ ยิ่งได้มีโอกาสฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ฉันยิ่งมีกำลังใจในการเลือกมอง และ ค้นหาแต่ความดี ของผู้อื่นแทน และ นำสิ่งดีๆเหล่านั้นเข้ามาฝึก เข้ามาพัฒนาปรับปรุงตัวเองในทุกด้านให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ฉันภาคภูมิใจในตนเอง มั่นใจในตนเอง และ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรร และ มีความสุข

สมาธิสำหรับฉัน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิต แต่เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉันที่ทำให้ฉันเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีในชีวิตทุกด้าน ในทุกวันนี้ฉันมีความสุขมาก  และ มั่นใจว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตเกิดจากการฝึกสมาธิให้ใจหยุดนั่นเอง ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านตรัสว่า นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

     


       แผ่นดิน

๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙


วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

ฉันมาวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร







ฉันมาวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตฉันดีขึ้นในทุกๆด้าน



ชีวิตของฉันไม่เค้วงคว้าง ไม่ไร้จุดหมาย และ ไม่ไร้ค่า เพราะวัดพระธรรมกายสอนให้ฉันมีเป้าหมายชีวิต ที่รู้ว่าเกิดมาเพื่ออะไร และ ต้องลงมือทำอย่างไรจึงสามารถ ก้าวพ้นจากความทุกข์ ไปสู่ฝั่งคือพระนิพพานได้

ชีวิตฉันมีความสุขมาก เพราะวัดพระธรรมกายสอนให้ฉันรู้จักกับความสุขที่แท้จริง ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวของฉันเอง เมื่อฉันได้ลงมือปฏิบัติธรรมคราใด ใจของฉันก็จะสงบ และ เปี่ยมไปด้วยความสุข ทำให้ฉันมีกำลังใจในการดำเนินชีวิต และ เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันในการแบ่งปันความสุขนั้นๆขยายต่อๆไปยังคนรอบข้าง

ชีวิตฉันกำลังก้าวหน้า เพราะวัดพระธรรมกายสอนให้ฉันรู้ความลับของชีวิต ว่าบุญเป็นเบื้องหลังความสุข ความสำเร็จในชีวิตทั้งหลาย ฉันจึงงดเว้นจากบาปกรรม ตั้งใจสร้างเหตุแห่งความก้าวหน้าในชีวิต ด้วยการหมั่นสั่งสมบุญอยู่เป็นประจำ ชีวิตของฉันจึงก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปทุกวัน

ชีวิตฉันนี้ ได้มาจากคุณพ่อคุณแม่ผู้ให้กำเนิด และ เลี้ยงดูฉันมาอย่างดี วัดพระธรรมกายสอนให้ฉันซาบซึ้งถึง พระคุณของพ่อแม่ ที่เป็นพระอรหันต์ เป็นเนื้อนาบุญในบ้าน และ สอนให้ฉันรู้จักการประกาศคุณ และ ตอบแทนพระคุณท่าน ทำให้ชีวิตของฉันเจริญรุ่งเรือง และ ภาคภูมิใจ

ชีวิตฉันปลอดภัย จากภัยทั้งหลายในวัฏสงสาร เพราะวัดพระธรรมกายสอนให้ฉันรู้จัก กฏแห่งกรรม ซึ่งเป็นกฏเกณฑ์ประจำโลกที่โหดร้าย คุมขังสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์ไม่รู้จบสิ้น ทำให้ฉันมีแนวทางในการดำเนินชีวิต ที่ถูกต้อง  ดีงาม  และ ปลอดภัย จากการละชั่ว ทำความดี และ การกลั่นใจให้ผ่องใส ซึ่งวัดพระธรรมกายได้น้อมนำเอาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอธิบายให้เกิดความกระจ่างแจ้งในทางปฏิบัติ และ เกิดกำลังใจในการทำความดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฉันอบอุ่นใจเพราะรู้ดีว่าชีวิตของฉันในวันนี้มีความปลอดภัย และ อยู่ห่างไกลจากภยันตรายทั้งหลาย

ชีวิตฉันนี้ออกแบบได้ ชีวิตของฉันจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ใจของฉันเอง วัดพระธรรมกายสอนให้ฉันออกแบบชีวิต จากการฝึกนิสัย ฝึกความรับผิดชอบ ผ่านการดำเนินชีวิตจริง ทั้งในเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบ ความสุภาพ  การตรงต่อเวลา และ การฝึกสมาธิ ทำให้ในวันนี้ฉันมองเห็นแนวทางในการแก้ไขนิสัยของตัวเอง ไปสู่การพัฒนาปรับปรุงตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ชีวิตฉันมีคุณค่า ต่อคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน คนในสังคมทุกระดับ เพราะวัดพระธรรมกายสอนให้ฉัน รู้จักเสียสละ และ แบ่งปัน ทั้งทรัพย์สินเงินทอง ทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังความรู้ไปช่วยเหลือ ส่งเสริมบุคคลทั้งหลายรอบตัว เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และ ที่สำคัญฝึกให้ฉันรู้จักการให้อภัยต่อความผิดพลาดของผู้อื่น ซึ่งทำให้ใจของฉันเอง อยู่เย็นเป็นสุขอย่างยิ่ง


ที่ชีวิตของฉันดีขึ้น และ ดียิ่งขึ้นไปในทุกๆด้านได้นี้ ก็เพราะเกิดจากการปฏิบัติธรรม ตามพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีหลวงพ่อธัมมชโย และ หมู่คณะวัดพระธรรมกาย เป็นผู้อบรมพร่ำสอนชี้ทางสว่าง  เป็นต้นบุญต้นแบบด้วยการทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ทั้งส่งเสริมสนับสนุนอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติธรรมทุกช่องทาง ทุกกิจกรรม ทำให้เกิดแรงบรรดาลใจ ในการสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และ ไม่มีวันหยุดกว่าจะถึงจุดหมาย คือที่สุดแห่งธรรม 

ขอกราบแทบเท้าบูชาคุณ หลวงพ่อธัมมชโย และ ขอกราบขอบพระคุณ หมู่คณะวัดพระธรรมกายมา ณ โอกาสนี้ครับ

     
แผ่นดิน

๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙







วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

บุญที่ฉันปลื้มที่สุด




บุญที่ปลื้มที่สุดในชีวิตของผม

บุญนั้นคือ บุญที่ผมได้มีโอกาสบรรพชา และ อุปสมบท ในโครงการบวชพระธรรมทายาท รุ่น๒๗ ที่วัดพระธรรมกาย เป็นโอกาสที่ดีที่ปลื้มที่สุดในชีวิต เพราะ การเข้ารับการอบรมธรรมทายาทที่วัดพระธรรมกายในครั้งนั้น ทำให้ชีวิตของผม เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นในทุกๆด้าน ทำให้ผมมีเป้าหมายชีวิตที่ดีงาม ว่าเราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี ได้ค้นพบว่าความสุขที่แท้จริงนั้นมีอยู่ภายในตัวของเอง ทำให้ผมสามารถหักดิบเลิกเกี่ยวข้องกับอบายมุขทั้งปวงได้ในที่สุด ได้มีโอกาสตอบแทนพระคุณพ่อแม่ และ ที่สำคัญทำให้ได้มีโอกาสศึกษาธรรมะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเปรียบเสมือนแสงประทีปธรรมนำพาชีวิต ไปสู่จุดหมาย คือพระนิพพาน

 ชีวิตของผมในทุกวันนี้มีความสุขมาก และ ผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ ได้มาเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อธัมมชโย และได้มีโอกาสเข้าวัดพระธรรมกายบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่หลวงพ่อธัมมชโย และ หมู่คณะได้ทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพันสร้างขึ้น

หลวงพ่อธัมมชโย นอกจากท่านสอนให้ผมได้รู้จักการสร้างบุญแล้ว ท่านยังทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างบุญอย่างสม่ำเสมอ ทุกโครงการ ทุกกิจกรรมของวัดพระธรรมกายซึ่งนำโดยหลวงพ่อธัมมชโยตลอดระยะเวลากว่าสี่สิบปีที่ผ่านมานั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อการสร้างบุญกุศลทั้งสิ้น และ แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายขนาดไหน จะมีใครไม่เข้าใจ แกล้งไม่เข้าใจ ต่อว่า ขัดขวาง รบกวน ทำร้ายหลวงพ่อด้วยประการใดๆก็ตาม หลวงพ่อธัมมชโยท่านก็ไม่เคยย่อท้อ หรือหมดกำลังใจ แต่ ท่านกลับยิ่งพากเพียรนำพาหมู่คณะสร้างบารมีกันต่อไป อย่างไม่มีหยุดหย่อน

ด้วยเพราะซาบซึ้ง ตื่นตันใจ ในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อธัมมชโย และ วัดพระธรรมกายในวันนี้ จากนี้ต่อไป ผมจะตั้งใจทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป ดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความไม่ประมาท หมั่นเพียรแก้ไขอบรมพัฒนาตนเองในทุกด้าน  และ อุทิศตนทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับครอบครัว สังคม และ ชาวโลก ตามรอยหลวงพ่อธัมมชโย และ หมู่คณะวัดพระธรรมกายตลอดไป


บุญที่ปลื้มที่สุดในชีวิตของผมในวันนั้นยังคงเป็นภาพประทับที่อยู่ในความทรงจำผมอย่างชัดเจนในวันนี้ และ เป็นบุญที่ต่อบุญ ที่ทำให้เกิดกำลังใจในการสร้างบุญครั้งใหม่ๆต่อไป และ ตลอดไป ตราบจนเข้าถึงพระนิพพาน

     
แผ่นดิน
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙



วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อธัมมชโยที่ฉันรู้จัก

อ่านประวัติหลวงพ่อทีไรปลื้มทุกที


     ย้อนไปเมื่อ 47 ปี ที่แล้ว วันที่ 27 สิงหาคม พุทธศักราช 2512 ณ อุโบสถ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ปรากฏยอดกัลยาณมิตรท่านหนึ่งได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ บวชอุทิศชีวิตให้แก่พระพุทธศาสนา ด้วยมโนปณิธานอันสูงส่ง ท่านมุ่งมั่นสั่งสมบุญบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อให้ได้มาซึ่งมหากุศลอันเนื่องด้วย กายมหาบุรุษ ซึ่งเป็นที่สุดแห่งคุณสมบัติ ที่สุดแห่งทรัพย์สมบัติ มุ่งสู่เป้าหมาย คือ ที่สุดแห่งธรรม
 
     วันๆ นั้น คือ วันอุปสมบทของพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) พระผู้เป็นดั่งตะวันธรรมนำความสว่างไสวแก่หมู่ชน

 
พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและประธานมูลนิธิธรรมกาย
 
     พระเทพญาณมหามุนี มีนามเดิมว่า ไชยบูลย์ สุทธิผล ถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ.2487 ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก เวลา 18.00 น. ณ บ้านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ท่านเป็นบุตรของนายช่างใหญ่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม นามว่าจรรยงค์ สุทธิผล กับคุณแม่จุรี สุทธิผล ในวันที่ท่านเกิด ญาติพี่น้องที่เคยโกรธเคืองกัน ไม่ไปมาหาสู่กันเป็นเวลานาน ได้หันหน้ามาคืนดีกัน ด้วยมีความชื่นชมยินดีในวันเกิดของหลานชายคนแรก 
  
     การเกิดของท่าน จึงเป็นดั่งศุภนิมิตแห่งความสมานสามัคคี ประดุจน้ำฝนตกลงบนพื้นดินเหนียวที่แตกระแหง แล้วประสานรอยร้าวของเนื้อดินนั้นให้เรียบสนิทเป็นผืนแผ่นดินเดียว
  
     เนื่องจากคุณพ่อมีอาชีพรับราชการ   ซึ่งต้องเดินทางไปปฏิบัติราชการในต่างจังหวัดบ่อยครั้ง  ชีวิตวัยเยาว์ของท่านจึงได้รับการดูแลทั้งจากมารดาและญาติพี่น้อง รวมถึงต้องย้ายที่อยู่เสมอ ๆ ต่อมาคุณพ่อได้คำนึงถึงอนาคตด้านการศึกษาจึงได้ฝากบุตรชายไว้กับครูบา อาจารย์ในโรงเรียนประจำชื่อโรงเรียนตะละภัฎศึกษา แถวเสาชิงช้า ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
  
     ในปี พ.ศ.2493 คุณพ่อได้รับคำสั่งให้ย้ายไปรับราชการที่จังหวัดเพชรบุรี ท่านจึงจำเป็นต้องลาจากเจ้าของโรงเรียนผู้มีพระคุณ เพราะคุณพ่อได้มารับไปอยู่ด้วย และได้เข้าเรียนในโรงเรียนอรุณประดิษฐ์ ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อยู่กับคุณพ่อได้ปีเศษ ก็ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนสารสิทธิพิทยาลัย ในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง โดยคุณพ่อพาไปฝากไว้กับคุณครูสมาน แสงอรุณ ซึ่งเป็นครูที่ใจดีและมีจิตใจโอบอ้อมอารี ท่านเรียนอยู่ ณ ที่แห่งนี้จนจบชั้นมัธยมปีที่ 3
 
 
     ขณะที่มีอายุได้ 13 ขวบ ท่านสามารถสอบแข่งขันเข้าเรียนในชั้นมัธยมปีที่ 4 ของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ได้เป็นผลสำเร็จ โดยสอบติด 1 ใน 150 คน จากผู้สมัครกว่า 500 คน วิถีชีวิตที่ต้องดูแลตัวเองตามลำพัง ต้องรู้จักประหยัด อดออม เช่นนี้ จึงหล่อหลอมให้ท่านมีความเข้มแข็งอดทน มีความเชื่อมั่นและรับผิดชอบตนเองสูง แตกต่างจากเด็กชายที่เติบโตจากครอบครัวที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ทั่วไป
 
หนังสือ   
หนังสือ "ธรรมกาย"
   
     เนื่องจากท่านเป็นคนรักการอ่าน แต่ไม่มีเงินที่จะซื้อหนังสือเก็บไว้เป็นของตนเอง ท่านจึงหาเวลาว่างไปร้านหนังสือ แล้วอ่านเล่มที่ชอบจนกระทั่งถูกเจ้าของร้านไล่ ท่านจึงต้องย้ายไปอ่านเล่มเดิมที่ร้านใหม่ ทำอย่างนี้เรื่อยๆ จากร้านแรกจนกระทั่งร้านสุดท้าย ก็อ่านหนังสือจบพอดี และแล้ววันหนึ่งท่านได้พบหนังสือชื่อ “ธรรมกาย” ซึ่งเขียนตามแนวเทศนาของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีข้อความว่า “ถ้าจะเดินให้ถูกต้องร่องรอยของพระศาสนา ต้องปฏิบัติให้ได้ทั้งรู้ทั้งเห็น”ตอนท้ายเรื่องมีคำยืนยันว่า “วัดปากน้ำนี้เรียนได้ ทั้งรู้ทั้งเห็น” ข้อความดังกล่าว ยิ่งทำให้ท่านเกิดความปีติยินดี ราวกับว่า เดินมาถูกทางแล้ว 
 
      และเมื่อท่านได้อ่านหนังสือ “วิปัสสนาบันเทิงสาร” กล่าว ถึงความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติธรรมวิชชาธรรมกายของคุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์ แม่ชีผู้เป็นศิษย์ของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็ยิ่งทำให้ท่านมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะไปศึกษาธรรมปฏิบัติที่วัดปากน้ำ แล้วความคิดหนึ่งก็พลันบังเกิดขึ้นว่า “วัดปากน้ำอยู่ ณ แห่งหนใด”
 
 หนังสือวิปัสสนาบันเทิงสาร
 
     จนกระทั่งในปี พ.ศ.2506 ขณะที่มีอายุได้ 19 ปี อยู่ในช่วงเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ท่านก็ตัดสินใจไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อตามหาคุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์ มุ่งหวังว่าหากพบท่านจะขอศึกษาวิชชาธรรมกายให้จงได้ เมื่อไปถึงวัดก็เที่ยวถามใครว่า “รู้จักคุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์ไหม ?” คำตอบคือ ไม่มีใครรู้จักแม้แต่คนเดียว มีแต่บอกว่า “ไม่มีคุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์ มีแต่ครูจันทร์”   ทำให้ท่านเข้าใจไปว่าเป็นคนละคนกัน  เมื่อตามหาไม่พบจึงหันกลับไปทุ่มเทให้กับการเตรียมตัวสอบ  จนกระทั่งสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ในที่สุด 
 
วัดปากน้ำภาษีเจริญ 
ภาพถ่ายทางอากาศของวัดปากน้ำ
 
     ในปี 2506 เมื่อท่านมีอายุได้ 19 ปี ท่านได้เตรียมตัวเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก่อนหน้านั้นท่านได้ไปวัดปากน้ำเพื่อเสาะหา “คุณแม่ลูกจันทร์” ซึ่งเป็นอาจารย์สอนสมาธิ(Meditation)ที่ได้กล่าวไว้ในนิตยสาร เมื่อได้ไปถึงวัดปากน้ำ แต่ท่านก้อไม่พบ มีแต่คนบอกว่ามีแต่ อาจารย์จันทร์ ซึ่งท่านคิดว่าคงเป็นคนละคน จึงทำให้ได้ไม่ได้พบกับอาจารย์ดังที่ตั้งใจไว้ แล้วท่านก็ได้กลับไปจนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้สำเร็จ 
  
     ในปีการศึกษาแรกท่านจึงได้เดินทางมาวัด ปากน้ำอีกครั้ง ในครั้งนี้ท่านได้ไปศึกษาสมาธิกับพระอาจารย์องค์อื่นก่อน และได้มารู้ในภายหลังว่า คุณแม่จันทร์ กับ อาจารย์จันทร์นั้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน และในที่สุดท่านจึงพบกับอาจารย์ที่ทำให้ความฝันของท่านเป็นจริง ท่านรักและเคารพอาจารย์ของท่านมาก และมักจะเรียกอาจารย์ว่าคุณยาย ซึ่งทำให้มีความสนิทสนมเหมือนญาติผู้ใหญ่มากกว่าอาจารย์กับศิษย์ 
 
     วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2512  ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 9 เป็นวันมหามงคลยิ่ง เพราะเป็นวันที่ท่าน ได้ก้าวเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์เป็นพระภิกษุสงฆ์สมดังความปรารถนา ที่พระอุโบสถวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยมีพระเทพวรเวที (สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในปัจจุบัน) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ธัมมชโย” แปลว่า “ผู้ชนะโดยธรรม”
  
 หลังจากบวชแล้วท่านได้กล่าวถึงอุดมการณ์ในการออกบวช ไว้ตอนหนึ่งว่า: 
 

“  การบวชเป็นพระไม่ใช่ของง่าย หาใช่ครองผ้ากาสาวพัสตร์แล้วจะเป็นพระได้ จะต้องปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์ซึ่งมีศีล 227 ข้อ ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย… การบวชนั้นถ้าจะให้ได้บุญกุศล ควรจะเป็นที่พึ่งของพระศาสนาได้ด้วย ไม่ใช่บวชมาเพื่อพึ่งพระศาสนาอย่างเดียว "
 
      อุดมการณ์ อันมั่นคงเช่นนี้  มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยง่าย หากจะเกิดได้ต้องอาศัยการศึกษาและปฏิบัติ จนรู้ซึ้งถึงคุณค่าของพุทธธรรมด้วยตนเองอย่างถ่องแท้เท่านั้น ดังที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า  อำนาจพุทธธรรมนั้นยิ่งใหญ่ลึกซึ้ง จนทำให้เกิดความตั้งใจอันมั่นคงว่า จะสละชีวิตนี้แก่พระพุทธศาสนา ครองผ้ากาสาวพัสตร์ไปตราบสิ้นอายุขัย
 

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัดพระธรรมกายที่ฉันรู้จัก

คือบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ สะอาด ร่มรื่น สงบ ทุกครั้งที่ไปรู้สึกเหมือนได้พักผ่อน  รู้สึกอบอุ่นใจ  และ ภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสได้เข้ามาในสถานที่อันบริสุทธิ์แห่งนี้ วัดพระธรรมกาย นั้นสร้างขึ้นโดยคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และ หลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งท่านทั้งสอง และ หมู่คณะได้เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างวัดพระธรรมกายแห่งนี้ขึ้นมา  โดยเริ่มต้นจากที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านสมัยยังเป็นนักศึกษาอยู่ได้มาพบกับคุณยายอาจารย์ และตั้งแต่จุดนั้นก็เริ่มรวบรวมหมู่คณะหาที่เพื่อสร้างวัดพระธรรมกาย ซึ่งต่อมาภายหลังจากหลวงพ่อธัมมชโยท่านบวชแล้ว ท่านก็ได้เริ่ม ระดมทุน ระดมทีม ระดมธรรมเพื่อสร้างวัดพระธรรมกายขึ้นมา จนปัจจุบันนี้วัดพระธรรมกายกลายเป็นศูนย์กลางของชาวพุทธทั่วโลก เป็นศูนย์รวมพุทธบุตร และ พุทธบริษัทสี่จากทั่วโลก ทำงานขยายธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้เกิดสันติสุขแก่โลก ดังมโนปณิธานของหลวงปู่วัดปากน้ำ ซึ่งหลวงพ่อธัมมชโยท่านได้ทำตามอย่างเต็มที่ แม้จะต้องเจออุปสรรคมากน้อยขนาดไหน หลวงพ่อธัมมชโยที่ปัจจุบันมีอายุ ๗๒ ปีแล้วท่านยังคงทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้กับชาวโลกต่อไป ไม่มีหยุดหย่อน วัดพระธรรมกายที่ฉันรู้จักในวันนี้ ก็คือวัดพระธรรมกายที่ฉันรัก และ มีคนที่ฉันรัก และ เคารพที่สุดนั่นก็คือ หลวงพ่อธัมมชโย ผู้นำในการสร้างบารมีของพวกเราทั้งหลายนั่นเอง

   
แผ่นดิน

๘ มีนาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

วันนี้พวกเราไปวัดกันทั้งครอบครัว

ถึงแม้ว่าวันนี้พวกเราจะมีงาน มีธุระมากมาย ทั้งต้องเดินทางไปรับของจากลูกค้า ทั้งซื้อของ เอาลูกๆออกไปเล่นที่สวนสาธารณะ และ อื่นๆอีกมากมาย แต่พวกเราก็ทำทุกอย่างด้วยความเบิกบานใจเพราะรู้ว่า มีสิ่งที่เราทุกคนรอคอยอยู่ ในเย็นวันนี้คือ บุญพิธีบูชาข้าวพระ เสร็จธุระจากข้างนอก ก็รีบกลับมาที่บ้านทันที เพราะพวกเราเตรียมขนมอันปราณีตไปร่วมบูชาข้าวพระด้วย เป็นขนมที่คุณแม่ต้องทำเอง  เป็นอะไรที่สนุก และ ฟินมากที่ ทั้งการเข้าครัวทำขนม พร้อมกับจับลูกอาบน้ำ แต่งตัว ทานอาหาร เตรียมอุปกรณ์ต่างๆของลูกๆในการไปวัด ซักอบผ้า และ พับผ้าอีกด้วย  ซึ่งกิจกรรมทุกอย่างนี้ต้องอยู่ภายใต้ระยะเวลาจำกัดแค่หนึ่งชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น เรียกได้ว่า ว้าวุ่น วุ่นวาย กันจนหัวฟูกันทีเดียว แต่ใจก็ผ่องใสตลอดนะครับ ไปถึงวัด ก็รีบเอาขนมบูชาข้าวพระไปถวาย ปฏิบัติธรรม แบบข้างนอกเคลื่อนไหว ข้างใน(พยายาม)หยุดนิ่ง ก็เพราะ ลูกชายสองคนกำลังอยู่ในช่วงกล้ามเนื้อขยาย ซนชะมัดยาด ต้องเก็บตัวไว้ในห้องเก็บเสียงขนาดใหญ่ เพื่อไม่ให้รบกวนการปฏิบัติธรรมของผู้มีบุญท่านอื่น กว่าจะปล่อยเด็กๆออกมาจาก safe house ได้พ่อกับแม่เกือบแย่ ก็ขึ้นไปฟังธรรมในห้องปฏิบัติธรรม โดยต้องไม่ลืมสมุดระบายสีเล่มเล็กๆ กับสี รวมทั้งหนังสือเล่มโปรดของคุณลูกด้วย เพราะคุณชายต้องมีอะไรทำระหว่างฟังธรรม(ไม่ได้จดบันทึกระหว่างฟังธรรมแน่ๆ) คืออะไรก็ได้ที่สามารถสะกดให้ตัวแสบทั้งสองหน่อ นั่งอยู่นิ่งๆได้ นานที่สุดจะต้องไม่ลืมติดไม้ติดมือมาด้วย และในที่สุดก็ถึงไฮไลท์ที่สำคัญคือ การถวายปัจจัย ที่ลูกแผ่นดิน ถือด้วยความนอบน้อมพนมมือ ตรงรี่ไปถวายหลวงน้าโดยไม่รอใครทั้งสิ้น เรียกรอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะ จากผู้มีบุญทั้งหลาย ที่คอยให้กำลังใจแบบห่างๆ แบบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เด็กทั้งสองคนนี้เท่าไหร่ เดี๋ยวงานเข้า อิอิ ....เฮ้อ ปลื้ม!!! ในที่สุด เรา(พ่อแม่)ก็รอดไปได้อีกหนึ่งวัน ขอให้ลูกๆและ สาธุชนทั้งหลายจงมีความสุข ในวันบูชาข้าวพระเถิด  โดยสรุปเป็นพิธีบูชาข้าวพระที่ปลื้มมากๆครับ ปลื้มทุกครั้ง ได้บุญทุกครั้ง มีความสุขทุกครั้ง มีอะไรที่น่าจดจำทุกครั้ง และ อดใจไม่ไหวที่จะไปร่วมบุญนี้ให้ได้ในครั้งต่อไป 

สาธุด้วยนะครับ
     แผ่นดิน
 ๖ มีนาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

ความประทับใจในวัดพระธรรมกาย

ความประทับใจในวัดพระธรรมกาย

๑ วัดพระธรรมกาย  ภายใต้การนำของหลวงพ่อธัมมชโยสอนให้ผมเป็นคนดี ทำให้ผมรู้ว่าการเป็นคนดี กับการเป็นคนทีมีความสุขเป็นสิ่งที่คู่เคียงกัน
๒ วัดพระธรรมกาย  ภายใต้การนำของหลวงพ่อธัมมชโยสอนให้ผมรักการฝึกสมาธิอย่างจริงจัง ทำให้จิตใจตั้งมั่นไม่วุ่นวาย และ มีสติสามารถทำการงานทุกอย่างได้ราบรื่น เรียบร้อย
๓ วัดพระธรรมกาย  ภายใต้การนำของหลวงพ่อธัมมชโยสอนให้ผมรักษาศีล ละเลิก อบายมุขทั้งปวง เลิกสูปบุหรี่ ดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน ทำให้ผมกลายเป็นคนใหม่ที่มีความสุข และ ประสบความสำเร็จ และ ภาคภูมิใจในตนเอง
๔ วัดพระธรรมกาย  ภายใต้การนำของหลวงพ่อธัมมชโยสอนให้ผม รักการให้ ทั้งการทำบุญทำทาน รวมถึงการรักในเพื่อนมนุษย์ และ สรรพสัตว์ทั้งหลาย งดเว้นการเบียดเบียนกัน และ ช่วยเหลือกันเมื่อมีโอกาส
๕ วัดพระธรรมกาย  ภายใต้การนำของหลวงพ่อธัมมชโยสอนให้ผมรู้จักเป้าหมายของชีวิต ว่าเราเกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี และ ความสุขที่แท้จริงอยู่ภายในตัว แค่นี้ก็เป็นปาฏิหารย์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของผมแล้ว และ ยังเป็นการย่นย่อ ระยะทางในห้วงวัฎสงสารที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย จากความทุกข์ทั้งปวงอีกด้วยครับ

   แผ่นดิน
๖ มีนาคม ๒๕๕๙

ก่อนที่ผมจะได้รู้จักกับวัดพระธรรมกาย และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย

ผมเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจจะแสวงหาคำตอบของชีวิต ว่าเราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต และ ความสุขที่แท้จริงนั้น อยู่ที่ไหน แสวงหาได้อย่างไร

ผมได้ออกเดินทาง เรียนรู้ เข้าหาผู้คน ลองผิด ลองถูก ค้นหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และ แตกต่างมากมาย ซึ่งได้พบกับทั้งความผิดหวัง สุขสมหวัง หัวเราะ ร้องไห้ ดีใจ เสียใจ คละเคล้ากันไป แต่ก็ได้พบว่าไม่ว่าประสบการณ์ด้านใด ทั้งดี และ ไม่ดี ล้วนแต่มีคุณประโยชน์กับชีวิตของเราทั้งสิ้น

เมื่อได้มาวัดพระธรรมกายครั้งแรก ท่ามกลางกระแสข่าวโจมตีวัดพระธรรมกายอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผมเลือกที่จะเข้ามาด้วยความสงสัยใคร่รู้  กระหายจะพิสูจน์ความจริงจากวัดพระธรรมกาย และ หลวงพ่อธัมมชโย ว่าถูกหรือผิดตามที่ได้ยินจากสื่อต่างๆหรือไม่

และที่สำคัญ ผมอยากจะแสวงหาคำตอบของชีวิตที่ค้นหามาอย่างยาวนาน อยากจะพัฒนาตนเองให้เต็มศักยภาพ อีกทั้งอยากจะทดลองฝึกสมาธิ ในแนววิชชาธรรมกายดู จากที่เคยได้ทดลองปฏิบัติธรรมในแนวทางอื่นๆด้วยตนเองมาแล้วหลายปี

สำหรับผมมีความคิดว่า เราน่าจะเลือกค้นหาแต่สิ่งดีๆที่มีอยู่ในวัดพระธรรมกาย เพื่อเอามาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตของตนเองมากกว่าเข้ามาเพื่อจ้องจับผิด ซึ่งไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไร เพราะผมรู้ดีว่าในโลกนี้ ทุกอย่างมีดีมีเสียคละเคล้าปนๆกันไป ไม่มีอะไรดีแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีอะไรชั่วเพียงอย่างเดียว เช่นกัน และที่สำคัญ เวลาในชีวิตนี้มีอยู่จำกัด เราควรตั้งใจแสวงหาแต่ในจุดดีเป็นหลักจะดีกว่า เพราะเกิดเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับตนเองมากที่สุด

อีกประการหนึ่ง การที่จะรู้ และตัดสินใจว่าอะไร ดี หรือ ไม่ดี ก็ไม่ใช่ว่าเราจะเข้าใจได้ง่ายๆ ควรต้องใช้เวลาในการไตร่ตรอง พิจารณา ด้วยสติ และ ผ่านประสบการณ์ที่มากพอ ฉะนั้นเราจึงไม่ควรตัดสินถูกผิดในเรื่องราว ของใคร หรือ องค์กรใดว่าดี หรือไม่ดี อย่างมักง่าย รีบด่วนจนเกินไป

  ยิ่งการได้รับข้อมูลมาไม่ครบถ้วน ได้รับข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือมีอคติส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะด้วย ความชอบ ความชัง หรือ มีผลประโยชน์แอบแฝงอื่นใด ล้วนส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ และยังส่งผลกระทบต่อไปให้ตนเองคิดผิด พูดผิด ทำผิด ซำ้ร้ายยังสามารถแพร่กระจาย ความเข้าใจผิดนี้ออกไป กลายเป็นวงจรด้านลบต่อไปไม่สิ้นสุด

     ดังนั้นเราจะต้องค้นคว้า ศึกษาหาความรู้ และ เปิดรับประสบการณ์อย่างเอาจริงเอาจัง ด้วยวิธีที่ถูกต้อง ด้วยความมานะพากเพียร ใจจดใจจ่อกัดติดลงมือทำด้วยความหนักแน่นต่อเนื่อง และ หมั่นใช้สติปัญญาพิจารณาใตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งต้องประกอบไปด้วยความพอดี

ฉะนั้นผมจึงไม่ด่วนสรุป วัดพระธรรมกาย และ หลวงพ่อธัมมชโยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอย่างรวดเร็วเกินไป แต่ในทางกลับกันผมจะมาพิสูจน์ความจริง ด้วยการตั้งใจศึกษา เรียนรู้คำสอน และ ทดลองนำเอาความรู้นั้นมาปรับใช้กับตนเองอย่างจริงจัง เพื่อพิสูจน์ให้รู้ชัดเจนไปเลยว่า วัดพระธรรมกาย และ สิ่งที่หลวงพ่อธัมมชโยสอนนั้น เป็นของจริง ดีจริงหรือไม่

และจากที่ได้พิสูจน์ด้วยตัวของผมเองมาแล้ว ผมก็รู้สึกโชคดีมากที่ในเวลานั้นไม่ได้ด่วนสรุป ด่วนตัดสินใจไปในทันทีโดยไม่ได้พิจารณา เพราะถ้าผมด่วนตัดสินใจแบบผิดๆไป ผมคงจะพลาดโอกาสอันยิ่งใหญ่ของชีวิต โอกาสในการได้ศึกษาเรียนรู้หลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเปรียบเหมือนแสงสว่างส่องทางในการดำเนินชีวิต ท่ามกลางความมืดมิดแห่งวัฏฏสงสาร เป็นทางรอดทางหลุดพ้นจากภัยในอบายภูมิ

สำหรับวัดพระธรรมกาย ตามความเข้าใจของผม วัดพระธรรมกายคือ โรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย ที่มีเป้าหมายในการให้การศึกษาในทางพระพุทธศาสนา มีการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ  สามารถนำธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอรรถาอธิบาย ทำให้นักเรียนได้รับความรู้ และ ประสบการณ์อันทรงคุณค่า และ สามารถทดลองพิสูจน์ให้เห็นผลประจักษ์ด้วยตนเองโดยตรง

นอกจากนั้นวัดพระธรรมกายยังขยายโอกาสในการศึกษาธรรมะให้แก่ผู้คนทั้งหลายในสังคมอย่างเสมอภาคกัน ไม่ว่าในระดับไหน คนรวยหรือจน ไม่ว่าคนไทยหรือ คนต่างประเทศ  ไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนไหนก็ล้วนมีโอกาสได้เข้ามาศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธจ้าด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งที่มาที่วัดพระธรรมกาย หรือ ศูนย์สาขาภายใน และ ต่างประเทศ รวมถึง การศึกษาผ่านทางดาวเทียม หรือ ทางอินเตอร์เนตที่ครอบคลุมทั่วทั้งโลก

วัดพระธรรมกายในทุกวันนี้ เปรียบเสมือนศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาของโลกในยุคปัจจุบัน และที่มีวัดพระธรรมกายในวันนี้ได้นั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการเอาชีวิตเป็นเดิมพันของหลวงพ่อธัมมชโยทั้งสิ้น ซึ่งท่านได้เป็นผู้ริเริ่มสร้างสรร  บุกเบิก ต่อสู้ ฝ่าฟันอุปสรรค์นานานับประการ ทั้งจากความหวาดระแวง และ ความไม่เข้าใจ หรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในสังคม หลวงพ่อธัมมชโย ท่านมีแต่ให้อภัย ไม่เคยกล่าวร้าย กล่าวโทษใครทั้งสิ้น ท่านมีขันติธรรมที่ยิ่งใหญ่ และ ท่านยังคงยืนหยัด ที่จะสร้างบารมี สร้างความดี อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันอยู่ต่อไปอย่างไม่ลดละ

ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีของผมอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสได้พบกับท่าน และ โชคดีเป็นยิ่งนักที่ไม่ได้ตัดสินท่านเร็วเกินไปจากการฟังข่าวแต่ในด้านลบ เพราะตระหนักดีว่าตัวเราเองก็ยังไม่รู้จริงในเรื่องธรรมะ และ ยังไม่ศึกษาให้รู้แจ้งแทงตลอดในธรรมะที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านได้สอน ก็อย่าเพิ่งรีบด่วนไปตัดสินท่านหรือใคร เดี๋ยวตัวเราจะกลายเป็นคนประเภท ที่รู้ไม่จริง จิตใจเต็มไปด้วยอวิชชา คือ ไม่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ และ บังอาจไปตัดสิน  ด้วยความเข้าใจที่ผิด  เหมือนเอาเท้าเป็ดเท้าไก่ไปหยั่งหาความลึกในท้องพระมหาสมุทรอย่างนั้น แถมถ้าเผลอไปว่าร้าย ไปทำร้าย ผู้ทรงคุณธรรมเข้าอีก ก็จะยิ่งเกิดผลเสียหาย แก่ตัวเราเองมากที่สุด

ในช่วงแรกผมก็ยอมรับว่า มีทั้งความเข้าใจ และ ไม่เข้าใจในวัดพระธรรมกาย และ หลวงพ่อธัมมชโยอยู่เหมือนกัน แต่ในส่วนที่ไม่เข้าใจก็ เคยไม่ด่วนสรุปเอาเอง แต่จะต้องค้นคว้า หาที่มาที่ไป สอบถามถึงวัตถุประสงค์ เป้าหมายของวัด หรือ หลวงพ่อท่านก่อน เพื่อหาข้อมูลที่แท้จริงให้พบ เพื่อนำเอามาพิจารณาตรึกตรองว่า ถูกต้องดีงาม ควรนำไปปฏิบัติตามหรือไม่ แต่จากที่ได้พิสูจน์ด้วยตนเองก็พบว่าทุกคำถามล้วนมีคำตอบ และ คำตอบก็มีเหตุมีผลที่ชัดเจน ล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการทำความดีทั้งสิ้น และ คำสอนของหลวงพ่อ และ พระภิกษุที่นี่ล้วนแต่ตรงตามพระไตรปิฏกทั้งสิ้น ยิ่งความประพฤติที่แสดงออกมาทั้งทางกาย และ ทางวาจา ก็ยิ่งก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นในทุกๆครั้งที่ได้พบเห็นว่า พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นถูกต้อง ดีงาม และ มีอยู่จริง

ส่วนข้อกล่าวหา ข้ออ้าง ข้อเคลือบแคลงสงสัยต่างๆที่ปรากฏเกิดขึ้นมาในสังคมที่ในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่ว่าจะเกิดจากสื่อหรือ จากบุคคลกลุ่มใด เมื่อผมได้ติดตาม ได้ฟังข้อความเหล่านั้นแล้ว ก็นำเอามาพิจารณา และ พบว่าส่วนใหญ่ล้วนแต่เกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากความจริง หรือ เข้าใจผิดเพราะได้รับข้อมูลมาผิดๆ ซึ่งคนเหล่านี้มี ทั้งพวกที่พยายามจะเข้าใจ และ พวกที่ไม่พยายามเข้าใจอะไรทั้งนั้น

แต่สำหรับผมเองเรื่องข้อครหา  ข้อกล่าวหา ทั้งหลายเหล่านี้ กลับกลายเป็นบทพิสูจน์ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถูกต้องชอบธรรมของวัดพระธรรมกาย และ หลวงพ่อธัมมชโยทั้งสิ้น จึงไม่แปลกใจว่าทำไมวัดพระธรรมกาย ยิ่งถูกตี ก็ยิ่งโต ก็เพราะเป็นวัดที่มีความบริสุทธิ์ใจในการสร้างความดีจริงๆ ซึ่งเรื่องดีจริงหรือไม่จริงนี้ ถ้าไม่รู้จักไม่ได้ใกล้ชิดกันแล้วก็จะพิสูจน์ได้ยาก แต่สำหรับผม ได้เข้าไปใกล้ชิด เป็นเวลายาวนาน กลับพบว่า ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งเห็นคุณความดี เห็นคุณธรรมในตัวของหลวงพ่อธัมมชโยมากยิ่งขึ้น เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า ศีลนั้นเรียนรู้ด้วยการอยู่ร่วม

กว่า18 ปีที่ผ่านมา  ชีวิตของผมเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทุกวันนี้มีความสุข และ อุ่นใจที่ได้รู้ว่า เราเกิดมาทำไม เป้าหมายชีวิตคืออะไร และ ความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ไหน และ จะแสวงหาได้อย่างไร

และจากที่เคยคิดว่าจะเข้ามาวัดพระธรรมกายเพียงแค่หาที่นั่งสมาธิ และตั้งเป้าว่าคงจะได้ความรู้ธรรมะไปใช้ในชีวิตบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่กลับพบความจริงว่า ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นลุ่มลึกไปตามลำดับ มีความรู้มากมายที่เอามาใช้กับชีวิตได้ในทุกแง่ทุกมุม และ เอามาใช้ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาตนเองได้ไม่รู้จบสิ้น เสมือนว่า เดินหลงทางในทะเลทราย ตั้งใจจะเข้ามาในสถานที่นี้เพื่อแสวงหานำ้ดื่มสักหนึ่งแก้วเพื่อดับกระหาย แต่กลับพบว่า ที่นี่คือท้องมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ มีนำ้ใสบริสุทธิ์ ที่เอาไว้ใช้ ดื่ม กิน และ มีคุณประโยชน์มากมายไม่มีทีสิ้นสุด

คำถามทุกคำถามที่เคยค้างคาใจ จากที่ได้รับข้อมูลทางลบต่างๆเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย และ หลวงพ่อจากข่าว หรือ คำบอกเล่าต่างๆผ่านสื่อสารมวลชน ก็ล้วนแต่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนกระจ่างแจ้งจากทางวัดทั้งสิ้น ทั้งจากคำพูด คำสอน การแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ด้วยการกระทำซึ่ง เป็นผลงานที่ชัดผ่านระยะเวลาทนทานในการพิสูจน์มาอย่างยาวนานแล้วทั้งสิ้น สรุปได้ว่าหลวงพ่อ และ ทางวัดพระธรรมกาย คือของจริง ดีจริง  ที่ผู้มีปัญญาทุกคน ไม่ควรมองข้าม แต่กลับควรจะต้องเข้ามาพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง


ตัวผมเองนี้ เคยจมอยู่ในอบายมุข ดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน เป็นนักเล่นการพนัน ก็สามารถหักดิบ เลิกสิ่งเหล่านี้ได้ในที่สุดอย่างเด็ดขาด เหมือนได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง ที่มีความสุข  สบายใจ และ เป็นที่ยอมรับ รวมทั้งเป็นที่รักเคารพของตนเอง และ คนรอบข้างมากขึ้น เงินทองก็เหลือเก็บเหลือใช้มากขึ้น เพราะไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขทั้งปวง สุขภาพก็ดีขึ้น จิตใจผ่องใส และ ภูมิใจท่ีสามารถเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกๆได้ ผมเลิกผิดศีล เลิกอบายมุขทั้งปวง หันมารักษาศีลอย่างจริงจัง เว้นการข้องเกี่ยวกับอบายมุขอย่างเข้มแข็งได้ในวันนี้ ก็เพราะวัดพระธรรมกาย และ หลวงพ่อธัมมชโยจริงๆ

ทุกวันนี้รักพ่อรักแม่มากขึ้น เพราะทางวัด และ หลวงพ่อพร่ำสอนให้ตระหนัก และ ซาบซึ้งในพระคุณของพ่อแม่อย่างชัดเจน สอนให้แสดงความกตัญญู สอนให้ตอบแทนพระคุณของท่าน ทำให้ผมซึ่งเป็นลูกคนหนึ่งของพ่อแม่ ที่เคยเกเร แข็งกระด้าง ก้าวร้าว มีปัญหาเรื่องความประพฤติ และ การเรียน เปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างสิ้นเชิง ทุกวันนี้รู้สึกโชคดีมากที่ได้เข้าวัดพระธรรมกาย ทำให้มองเห็นพระคุณของบิดามารดา ว่าท่านเป็นพระอรหันต์เป็นเนื้อนาบุญของลูก ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมสามารถทำหน้าที่ลูกที่ดี และ สมบูลย์ได้ยิ่งขึ้น

ในฐานะที่เป็นคุณพ่อของลูกน้อยๆสองคนในวันนี้ ผมได้ตระหนักดีถึงความเปลี่ยนแปลงของโลก โลกทุกวันนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน มีการแก่งแย่งแข่งขัน มีความขัดแย้ง มีการทำร้าย ทำลาย เอาเปรียบกันทุกหย่อมหญ้า มีความเจริญทางวัตถุ แต่จิตใจกลับตกตำ่ลง ศีลธรรมห่างหายไปจากใจของมนุษย์ เกิดอาชญากรรมมากมายซึ่งนับวันจะรุนแรง เหี้ยมโหดมากยิ่งขึ้นไปทุกที ก็ได้แต่เป็นห่วงอนาคตของลูกทั้งสองคนที่จะต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เขาจะต้องเผชิญโลกในอนาคตได้อย่างไร ในวันที่ไม่มีเราอยู่แล้ว เป็นความกังวล อันเกิดจากความรักและห่วงใยในตัวลูกที่มีอยู่มากมาย ก็เหมือนกับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่หลายๆคน แต่ความห่วงความกังวลเหล่านี้ได้ถูกทำให้บรรเทาเบาบางไปได้ ด้วยธรรมะ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อ ทำให้รู้วิธีการฝึกฝนอบรมตนเองและลูกๆ ให้มีวิธีการทำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ดีงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และ ความก้าวหน้าของชีวิต ด้วยการสร้างบุญ และ การสร้างนิสัยที่ดีในชีวิตประจำวัน ผ่านห้าห้องของชีวิต และทุกๆคนก็สามารถลงมือทำได้ อย่างง่ายๆ แต่จะส่งผลอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้ในวันนี้ผมมีความมั่นใจแล้วว่า เราสามารถเป็นพ่อที่ดีของลูกได้ และ มีวิธีในการฝึกลูกให้สามารถเผชิญอุปสรรค์ขวากหนามทั้งหลายในอนาคต สามารถอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุข  และ ก้าวหน้าต่อ ก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จ แม้ในวันที่ไม่มีพ่อแม่แล้วก็ตาม

เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก ที่คนข้างนอกไม่รู้ว่า ที่วัดพระธรรมกาย โดยการนำของหลวงพ่อธัมมชโย มุ่งเน้นการฝึกสมาธิมากๆ ท่านทำให้ดูเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง และ เคี่ยวเข็ญให้ทุกๆคนนั่งสมาธิกันอย่างจริงจังมากๆ แล้วท่านยังจัดการ อำนวยความสะดวกทุกอย่าง ทั้งหาสถานที่ หาทุนทรัพย์ หาทีมงาน และจัดหลักสูตรการนั่งสมาธิที่มีคุณภาพ กระจายไปทั่วทุกมุมโลก สิ่งที่ท่านทำเป็นเรื่องที่ดีงาม และ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ เป็นสิ่งที่อยู่เหนือและเกินกว่าจินตนาการ ซึ่งหลวงพ่อธัมมชโยท่านทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ สูงส่ง มากเกินกว่าที่คนที่มีสติปัญญาจำกัดแบบผมจะเข้าใจ ได้ทั้งหมด

และจากการที่ผมได้ฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ อย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ ผมมีสติมากขึ้น ใจเย็นขึ้น สุภาพขึ้น สุขภาพจิตใจดีขึ้นในทุกๆด้าน รักการจับถูก มีความอดทนอดกลั้นที่เพิ่มพูนขึ้น ซึ่งประเมินเป็นมูลค่ายากมาก ถ้าไม่มีวัดพระธรรมกาย ไม่มีหลวงพ่อธัมมชโย ผมคงไม่ได้มีโอกาสมานั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมอย่างมีความสุขอย่างนี้

มันเป็นเรื่องยากมากที่จะพรรณาอธิบายขยายความให้กระจ่างแจ้ง ในเรื่องพระคุณ คุณธรรมความดี ของวัดพระธรรมกาย และ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระคุณคุณความดีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ที่มีต่อชีวิตของผม และ ครอบครัว ด้วยเพราะสติปัญญา และ คุณธรรมที่มีอยู่อย่างจำกัดของตัวผม  และประกอบกับผมเองก็ยังอยู่ในภาวะเริ่มต้นในการศึกษา และ ฝึกตัวเท่านั้น จึงไม่อาจกล่าวอธิบายขยายความโดยพิศดารได้มากไปกว่านี้

กล่าวโดยสรุป 18 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็น18 ปีที่มีความหมายอย่างยิ่งกับชีวิตของผม เป็น18 ปีแห่งความมีโชควาสนา ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีร่างกายที่แข็งแรงไม่พิกลพิการ ในกาลที่ยังมีพระพุทธศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดำรงอยู่ ได้อาศัยอยู่ในดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง อยู่ในยุคของพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมไปด้วยทศพิศราชธรรม อยู่ในครอบครัวชาวพุทธที่อบอุ่น ที่เปิดโอกาสให้ได้ศึกษาหาความรู้ทางโลกทางธรรมอย่างเต็มที่

แต่โชควาสนาดีๆทั้งหลายเหล่านี้ไม่อาจจะผลิดอกออกผล งอกเงยขึ้นมาได้ หากปราศจากสุดยอดกัลยาณมิตร คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย และ หมู่คณะวัดพระธรรมกาย ที่ได้ทุ่มเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เปิดโอกาสให้ผมและครอบครัวได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ผมได้พบหนทางรอดจากวิกฤติชีวิตของของมนุษย์ ด้วยมรรคมีองค์แปดที่ถูกอธิบายให้เข้าใจได้ สามารถลงมือปฏิบัติให้เห็นผลดีอย่างชัดเจนจากการใช้ชีวิตประจำวัน และยังทำให้สามารถอยู่อาศัยในโลกใบนี้ซึ่งเป็นคุกที่กว้างใหญ่ อันเต็มไปด้วยความทุกข์ อย่างมีความรู้ ที่สำคัญ และ จำเป็น เพื่อความอยู่รอด ความปลอดภัยในวัฏสงสาร และ สามารถก้าวผ่าน นำพาชีวิตสู่พระนิพพานได้ในที่สุด

ในวันนี้เป็นวันที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ วัดพระธรรมกาย และ หลวงพ่อธัมมชโยอย่างมากมาย ด้วยความเข้าใจผิด ผมขอถือโอกาสนี้ แสดงความกตัญญู  และ กตเวที ต่อวัดพระธรรมกาย และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยด้วยการ ตระหนักสำนึกรู้พระคุณ และ ประกาศคุณของท่านเพื่อให้ชาวโลกได้รับทราบ เพื่อให้ผู้ที่มีสติปัญญา ได้มองเห็น ให้ได้รู้เท่าทันตามความเป็นจริง ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้สร้างสถานะการณ์ทางลบ ใส่ร้ายป้ายสีผู้มีคุณธรรมอันแท้จริง และ ที่สำคัญอย่าพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต ที่ได้เกิดมาร่วม และ อยู่ในกาลสมัยที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย และหมู่คณะวัดพระธรรมกายยังดำรงคงอยู่


ขอให้โชคดีครับ


แผ่นดิน
๕ มีนาคม พศ.๒๕๕๙